ต้นเหตุจากภาวะโลกเดือด ทำให้อากาศร้อนจัด ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก

ถ้าใครได้มีโอกาสติดตามข่าวสารเกี่ยวโลกของเราในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ หรือสภาพอากาศ น่าจะพอรู้กันว่าตอนนี้นักวิชาการทั่วโลกต่างออกมาว่าโลกของเราผ่านพ้นจาก ‘ภาวะโลกร้อน’ ไปแล้ว และกำลังเดินหน้าเข้าสู่ ‘ภาวะโลกเดือด’ แทน โดยภาวะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก เห็นได้จากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและร้อนขึ้นกว่าปกติ เกิดเป็นผลกระทบในภาพกว้าง ไม่ว่าจะเป็น สิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ วิกฤติน้ำแล้ง ความมั่นคงทางอาหาร ไปจนถึงปัญหาสุขภาพ วันนี้เราอยากจะพามาทำความรู้จักกับภาวะโลกเดือดว่ามันคืออะไร มีสาเหตุมาจากไหน แล้วเราจะรับมือกับมันยังไงได้บ้าง

อากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงขึ้นเร็วและมากที่สุดในประวัติศาสตร์

ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) คือภาวะที่โลกกำลังเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง มนุษย์กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคที่ร้อนขึ้นจนเป็นสถิติและมีความเปลี่ยนแปลงที่บ่อยขึ้น นั่นหมายความหว่าโลกกำลังร้องขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) อย่าง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ได้ออกมาประกาศว่า “ยุคภาวะโลกร้อนสิ้นสุดลงแล้ว พวกเรากำลังอยู่ในยุคภาวะโลกเดือด” โดยในเดือนกรกฏาคมนี้เอง เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์รอบ 120,000 ปี ซึ่งข้อมูลจากองค์กร NASA ที่ได้ติดตามตรวจวัดอุณหภูมิจากสถานีตรวจอากาศกว่าหมื่นแห่งก็พบว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนนี้เอง ซีกโลกเหนือนร้อนที่สุดในรอบ 170 ปี เฉลี่ยน้ำแข็งจะละลายไว้ขึ้น 6 – 7 เท่า เมื่อเทียบกับ 25 ปีก่อน

ภาวะโลกเดือด เกิดมาจากสาเหตุอะไร

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ได้โพสต์ข้อมูลที่น่าสนใจลงไปบนเฟซบุ๊กส่วน ระบุเอาไว้ว่า จากรหัสแดงโลกร้อนสู่โลกเดือดอนาคตที่เราต้องเลือก ได้พูดถึงปัจจัยที่ทำให้ปี 2565 มีอุณภูมิสูงกว่าอดีต 1,000 – 10,000 ปี มาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ มนุษย์ปล่อยแก๊สเรือนกระจกสูงขึ้นต่อเนื่อง ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ดวงอาทิตย์ถึงช่วงเวลาที่ต้องปลดปล่อยพลังงานสูง และการระเบิดของภูเขาไฟ ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นเฉลี่ย 0.1 – 0.3 องศาเซลเซียส

เราจะรอดจากภาวะโลกเดือดไปได้อย่างไร

การแก้ปัญหาในภาพใหญ่คงต้องมาจากรัฐบาลเป็นหลัก ที่จะคอยจัดการและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน ซึ่งรัฐบาลในแต่ละประเทศจะต้องผลักดันให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่เร่งด่วน อีกทั้งประชาชนทุกคนก็ยังสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาได้ด้วยเช่นกัน เพียงปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและตระหนักรู้ถึงปัญหาเกี่ยวกับธรรมชาติ ถึงจะยังไม่เห็นผลในเร็วนี้ แต่เชืาอว่าจะเกิดความเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้จริง ๆ