เผยเนื้อหาในพรบ. กยศ. ฉบับใหม่ มีผลทำให้จำนวนหนี้ลดลงถึง 50%

เมื่อช่วงก่อนที่รัฐบาลปัจจุบันจะเริ่มเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ได้มีนโยบายออกมาว่าจะทำการปรับโครงสร้างหนี้ กยศ. เพื่อให้ผู้ที่กู้ยืมมีศักยภาพในการจ่ายคืนได้มากขึ้น มีดอกเบี้ยเป็นธรรม และปรับลดค่าปรับต่าง ๆ ไม่ให้เป็นภาระของผู้กู้ยืมมากจนเกินไป โดยเมื่อวานนี้ (13 พฤศจิกายน 66) นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในเรื่องผลสรุปที่ได้จากการหารือเพื่อแก้หนี้ กยศ. ซึ่งได้ความว่า หลังจากที่ใช้การคำนวณตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ได้มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่าเดิมและน่าจะทำให้ยอดหนี้ลดลงได้มากถึง 50% จนตอนนี้ทำให้เกิดการพูดคุยและถกเถียงกันเป็นอย่างมากในโลกออนไลน์

ทำความเข้าใจกับพรบ. กยศ. ฉบับใหม่

พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 มีสาระสำคัญอยู่ที่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่เกิน 1% ต่อปี มีเบี้ยปรับที่ลดเหลือ 0.5% ต่อปี จากเดิมที่กำหนดให้เก็บดอกเบี้ยไม่เกิน 7.5% ต่อปี และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ทั้งกองทุนยังได้ขยายโอกาสให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยเปิดให้สามารถเข้าถึงการศึกษาที่หลากหลายในหลักสูตรระยะสั้น เพื่อ Reskill และ Upskill ให้ครอบคลุมหลักสูตรอาชีพ เป็นการยกระดับทักษะ สมรรถนะ ไปจนถึงช่วยเสริมทักษะเฉพาะทางสำหรับวิชาชีพต่าง ๆ เพิ่มช่องทางช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผัน ชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือแปลงหนี้ใหม่ได้

นอกจากนี้ยังได้มีปรับเปลี่ยน ลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ ที่ถือเป็นหลักเกณฑ์ใหม่ที่สำคัญตาม พรบ. กยศ. ฉบับใหม่ โดยกำหนดให้นำเงินที่ผู้กู้ยืมเงินชำระไปหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย หรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่มตามลำดับ สรุปให้เข้าใจได้ง่าย ๆ คือ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กองทุนจะนำเอายอดเงินที่ชำระเข้ามาทุกรายการมาคำนวณการรับชำระใหม่อีกครั้งและปรับข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วคำนวณจากเกณฑ์ของดอกเบี้ยที่ใหม่ปรับใหม่ จาก 7.5% ต่อปี เหลือ 0.5% ต่อปี เพื่อให้ผู้กู้ยืนไม่เสียสิทธิอันพึงได้ตามกฎหมาย

อ่านเพิ่มเติม : https://www.sanook.com/news/9102882/